คำถามที่พบบ่อย กับ ไลโอ แฮร์โทนิค Lyo Hair Tonic
คำถามที่พบบ่อย กับ ไลโอ แฮร์โทนิค Lyo Hair Tonic
Q&A ไลโอแฮร์โทนิค
1. แฮร์โทนิค คืออะไร ใช่แชมพูหรือเปล่า
- ไม่ใช่แชมพู แฮร์โทนิคเป็นสารอาหารบำรุงเส้นผม รากผมและหนังศีรษะ
2. วิธีการใช้สินค้า ไลโอ แฮร์โทนิค
- หลังการสระผมและบำรุงผมด้วยครีมนวดผม ให้เป่าผมจนแห้งสนิท จากนั้นฉีดแฮร์โทนิคลงบนศีรษะแล้วใช้ปลายนิ้วนวดแฮร์โทนิคให้ทั่วหนังศีรษะ โดยไม่ต้องล้างออก
3. ต้องสระผมก่อนใช้ หรือเมื่อใช้แฮร์โทนิคแล้วต้องล้างออกหรือไม่
- ไม่ต้องสระผมก่อนสามารถใช้ได้เลย เมื่อใช้แล้วไม่ต้องล้างออก หรืออาจใช้หลังจากสระผมก็ได้เช่นเดียวกัน
4. ผมร่วงไปนานแล้วศีรษะล้านมาก หรือหัวเถิกสูงจะใช้ได้ผลไหม
- ใช้ได้ผล แต่ต้องเพิ่มการใช้มากกว่าคนปกติ อย่างน้อยวันละ4-5ครั้ง แฮร์โทนิคเป็นสารอาหารเส้นผม จะช่วยกระตุ้นหนังศีรษะบริเวณที่เคยมีเส้นผมให้กลับมามีเส้นผมอ่อนๆขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากนั้นควรใช้อย่างต่อเนื่องจนกว่าเส้นผมที่ขึ้นใหม่จะแข็งแรงเหมือนเส้นผมปกติ จึงลดการใช้เหลือวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เพื่อบำรุงเส้นผมอย่างต่อเนื่อง
5. มีปัญหาผมร่วงผิดปกติใช้แล้วผมจะร่วงมากกว่าเดิมหรือเปล่า
- แฮร์โทนิคไม่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่เป็นอันตรายเพราะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ จึงไม่เป็นอันตรายต่อเส้นผมและหนังศีรษะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
6. สำหรับคนที่มีอาการแพ้ง่าย สามารถใช้ได้หรือไม่
- สำหรับคนแพ้ง่ายหากไม่แน่ใจให้ทดสอบก่อนโดยการฉีดใส่ตามข้อพับ หรือใต้ท้องแขน และสังเกตว่ามีอาการแพ้หรือไม่ หากแพ้จะมีอาการแสบร้อน
7. ถ้าผมบาง ศีรษะล้านเป็นจุดๆ ให้ใช้เฉพาะจุดหรือใช้ทั่วทั้งศีรษะ
- แนะนำให้ใช้ทั่วทั้งศีรษะจะดีกว่า แล้วตรงที่ล้านมากๆก็ไม่จำเป็นต้องใส่มากๆในครั้งเดียว แต่ให้ใส่บ่อยๆและใส่เป็นประจำแทน
8. ทำไมเวลาใช้ต้องนวดหนังศีรษะด้วย
- การนวดหนังศีรษะเบาๆ จะทำให้แฮร์โทนิค ซึมลงสู่รากผมได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้รากผมแข็งแรง ถ้ารากผมดีก็จะทำให้ผมเจริญเติบโตดี และการนวดเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะด้วย
9. ถ้าผมขึ้นหนาแล้ว หยุดใช้แฮร์โทนิค ได้หรือไม่
- เมื่อผมคุณเป็นปกติแล้ว สามารถหยุดใช้ได้ แต่ขอแนะนำให้ใช้ต่อไปเรื่อยๆ โดยให้ลดปริมาณหรือความถี่ในการใช้แทน เพราะเราควรบำรุงรากผมและเส้นผมให้แข็งแรงอยู่เสมอ
10. ทำไมต้องใช้แฮร์โทนิควันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
- เพื่อให้รากผมได้สารอาหารเพียงพอ เพื่อกระตุ้นเซลล์รากผมในแต่ละวัน และต้องกระตุ้นเป็นเวลาอย่างสม่ำเสมอ
11. ผมที่เกิดขึ้นมาใหม่แล้วจะร่วงหรือไม่
- ปกติแล้ว เส้นผมคนเราจะมีการผลัดเปลี่ยนเป็นประจำ มีบางท่านใช้ไปผมอาจจะร่วง ซึ่งเป็นการร่วงปกติของการผลัดเปลี่ยนผม แต่ผมที่เกิดจากใช้ผลิตภัณฑ์จะไม่หลุดร่วงง่าย เนื่องจากผมที่เกิดขึ้นใหม่จะแข็งแรงขึ้น เพียงแต่ช่วงแรกอาจจะเป็นเส้นอ่อนๆ แต่ใช้ไปเรื่อยๆ ผมจะเป็นเส้นขนาดใหญ่ขึ้นและแข็งแรงขึ้น
12. ต้องใช้นานแค่ไหนจึงจะเห็นผล
- จากประสบการณ์ผู้ใช้ บางท่านเริ่มเห็นผมเส้นเล็กๆ ขึ้นใน สัปดาห์ที่ 3 บางท่านก็ 6 สัปดาห์ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่จะสังเกตได้คือหนังศีรษะจะไม่มัน สะอาดขึ้น ผมจะนิ่มขึ้น /ต้องสังเกตอาการของแต่ละคนเอง ผลิตภัณฑ์นี้มีส่วนผสมจากสมุนไพรธรรมชาติ จึงไม่มีอันตราย
13. ถ้าเป็นคนที่มีผมหนาอยู่แล้ว จะใช้ แฮร์โทนิคได้หรือไม่
- คนที่ผมหนาอยู่แล้วก็ใช้ได้ โดยใช้เป็นอาหารบำรุงรากผมให้แข็งแรงอยู่เสมอ ในอนาคตผมจะได้ไม่ร่วง
14. เมื่อใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน แล้วหยุดใช้ จะทำให้ผมร่วงหรือไม่
- แฮร์โทนิค จะไม่ทำให้ผมของคุณร่วง การร่วงของผมจะเป็นไปตามธรรมชาติ
15. หากเห็นผมขึ้นมาเป็นเส้นขนอ่อนๆแล้ว อยากให้ผมยาวเร็วขึ้นควรทำอย่างไร
- ให้เพิ่มความถี่ในการใช้ แฮร์โทนิคให้มากขึ้น เช่น เคยใช้วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น อาจเปลี่ยนเป็นใช้วันละ 4-5 ครั้ง จะช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้น
16. แฮร์โทนิค มีส่วนประกอบใดบ้าง
- ต้นอ่อนถั่วลันเตา กระตุ้นการเติบโตของเส้นผมจากต้นเหตุ ลดการขาดหลุดร่วงและสร้างรากผมใหม่ให้แข็งแรง
- ใบมัลเบอร์รี่ กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม บำรุงเส้นผมให้นุ่มดกดำ ป้องกันผมหงอกก่อนวัย
- โปรวิตามิน บี5 ช่วยเป็นเกราะให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ ป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น
- วิตามินอี ให้ความชุ่มชื้นบนเส้นผมและหนังศีรษะพร้อมปกป้องเส้นผมจากการถูกทำลาย
- โสม เร่งการเจริญเติบโตของเส้นผม ช่วยขจัดสารพิษบนหนังศีรษะ เพิ่มความแข็งแรงของรากผม ลดการหลุดร่วงของเส้นผม ช่วยแก้ปัญหารังแค และอาการคันหนังศีรษะ
- อัญชัน ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยบำรุงให้ผมนุ่มสลวย ดกดำ เงางามอย่างเป็นธรรมชาติ
- ว่านหางจระเข้ออร์แกนิค ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นเส้นผมและหนังศีรษะ ขจัดรังแค ลดการแพ้ การระคายเคืองของหนังศีรษะและกระตุ้นเซลล์รากผมให้ผมงอกใหม่เร็วขึ้น
17. ผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้ไหม
- ผู้หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรสามารถใช้ได้ภายใต้การดูแลและคำปรึกษาจากแพทย์
